จีนสั่งปรับหนึ่งในบริษัทบันเทิงชื่อดังของประเทศ 14.7 ล้านหยวน หรือราว 70 ล้านบาท จากข้อกล่าวหาว่า “เป็นภัยต่อสังคม” เนื่องจากมุกตลกที่หนึ่งในนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟนของบริษัท เล่นมุกวิพากษ์วิจารณ์กองทัพจีนจนเรียกกระแสวิจารณ์หนักในสังคมแดนมังกร ตามรายงานของรอยเตอร์
สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน ระบุว่าได้สั่งปรับบริษัทเซี่ยงไฮ้ เสี่ยวเกา คัลเจอร์ มีเดีย (Shanghai Xiaoguo Culture Media) 13.35 ล้านหยวน และยึดเงิน 1.35 ล้านหยวน ซึ่งถือเป็น “ผลกำไรอันผิดกฎหมาย” จากบริษัทนี้ หลังจากพบว่าการแสดงตลกแบบเดี่ยวไมโครโฟนของ หลี่ หาวซื่อ ที่มีชื่อในวงการว่า เฮาส์ ละเมิดกฎในเรื่องดังกล่าว
หลี่ โด่งดังในสื่อสังคมออนไลน์อย่างมากในช่วงต้นสัปดาห์นี้ หลังจากหนึ่งในคนดูการแสดงของเขาโพสต์คลิปการแสดงของเขาบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับมุกตลกที่เขาเล่นในการแสดงที่กรุงปักกิ่ง เมื่อ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าเป็นการดูหมิ่นกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA)
เนื้อหาในมุกดังกล่าว หลี่ เล่าถึงการเห็นสุนัขจรจัด 2 ตัวที่เขารับเลี้ยงไว้ไล่กระรอก และบอกว่ามันทำให้เขานึกถึงคำกล่าวที่ว่า “มีแนวทางการทำงานที่ดี สามารถต่อสู้ และชนะสงครามได้” ซึ่งเป็นสโลแกนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ใช้ยกย่องหลักการทำงานของ PLA
เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างการแบ่งแยกทางสังคมจีนอย่างมาก ทั้งมุมมองว่าเป็นการแสดงที่ไม่เหมาะสม อย่างการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก และ และยังสะท้อนถึงประเด็นที่ว่าเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับจีนนั้นอยู่ในระดับไหน ในช่วงที่ทางการจีนกล่าวว่าต้องมีการผลักดันคุณค่าทางสังคมมากขึ้นกว่าเดิม
สำนักวัฒนธรรมฯ กล่าวว่า “เราจะไม่ยอมให้บริษัทหรือบุคคลใดใช้เมืองหลวงของจีนเป็นเวทีในการใส่ร้ายป้ายสีภาพลักษณ์อันรุ่งโรจน์ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน” และว่าบริษัทดังกล่าวจะถูกสั่งห้ามทำการแสดงในกรุงปักกิ่งต่อจากนี้
ที่ผ่านมาบริษัทเสี่ยวเกา คัลเจอร์ เคยมีประเด็นกับทางการจีนมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2021 บริษัทเคยเจอค่าปรับ 2 แสนหยวน ฐานเผยแพร่โฆษณาที่มีนักแสดงตลกโปรโมตแบรนด์ชุดชั้นใน ด้วยข้อความที่ทางการจีนอ้างว่าลดคุณค่าของผู้หญิง
แต่สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดนี้ทางบริษัท กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นช่องโหว่สำคัญในการบริหารจัดการ และได้ยกเลิกสัญญาจ้างหลี่ไปแล้ว ขณะที่รอยเตอร์ไม่สามารถติดต่อหลี่เพื่อขอความเห็นได้ และทางสื่อสังคมออนไลน์เว่ยโป๋ ได้แบนบัญชีของเขาไปแล้วเช่นกัน
- ที่มา: รอยเตอร์
