ทำความรู้จัก “บุชรา ข่าน” ภรรยาอดีตผู้นำปากีสถาน ผู้ศรัทธาลัทธิศูฟี

PAKISTAN-POLITICS-UNREST-COURTS

บุชรา ข่าน ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ของปากีสถาน เผชิญคดีทุจริตต่าง ๆ เช่นเดียวกับสามีของเธอที่ถูกจับเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อวันจันทร์ เขาเดินทางขึ้นศาลกับบุชราก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้เธอประกันตัว

เป็นที่ทราบกันว่า บุชรา ข่าน นับถือลัทธิศูฟี ซึ่งเป็นลัทธิหนึ่งของศาสนาอิสลามที่เชื่อในพลังเหนือธรรมชาติ โดยอิมราน ข่าน มักกล่าวว่า บุชราเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของเขา เธอยังไม่ค่อยปรากฎตัวต่อสาธารณะมากนักนับตั้งแต่แต่งงานกับเขา

รอยเตอร์สรุปข้อมูลของภรรยาอดีตผู้นำปากีสถานวัย 40 ตอนปลายผู้นี้

ช่วงแรกของชีวิต

บุชราเติบโตในครอบครัวเจ้าของที่ดินในแคว้นปัญจาบ เธอแต่งงานครั้งแรกกับคาวาร์ ฟาริด มาเนกา เจ้าหน้าที่ศุลกากรจากครอบครัวนักการเมืองในแคว้นดังกล่าว ทั้งสองใช้ชีวิตคู่กันราว 30 ปีก่อนที่จะหย่าขาดกัน ทั้งคู่มีลูกด้วยกันห้าคน

เมื่อปี 2018 สื่อปากีสถานรายงานคำพูดของมาเนกาหลังจากที่ทั้งสองหย่ากันแล้วว่า “ผมอยากพูดชัด ๆ เกี่ยวกับบุชรา บิบิ อดีตภรรยาของผมว่า ในโลกนี้ ผมไม่เคยเห็นใครเคร่งศาสนาเท่าเธอเลย”

ความเคร่งศาสนา

ทั้งบุชราและมาเนกาศรัทธาในฟาริดุดดิน มาซุด กันชาการ์ หรือ “บาบา ฟาริด” นักเวทย์ชาวมุสลิมและนักบุญตามความเชื่อของลัทธิศูฟี โดยปูชนียสถานของบาบา ฟาริก อยู่ที่เมืองพัคพัตตาน แคว้นปัญจาบ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของมาเนกา

ชาวปากีสถานบางส่วนนับถือบุชราว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเขา ขณะที่คู่แข่งทางการเมืองของอิมรานกล่าวหาบุชราว่าทำตัวเป็นแม่มดหมอผี โดยคนใกล้ชิดของอิมรานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอิมรานพบกับบุชราเมื่อใด และพบกันได้อย่างไร แต่อัน เชาดรี อดีตคนใกล้ชิดของอิมราน เคยกล่าวว่า อิมรานประทับใจในความเลื่อมใสศรัทธาของเธอ

อิมราน อดีตเจ้าของภาพลักษณ์หนุ่มนักกีฬาคริกเก็ตเจ้าสำราญในช่วงทศวรรษที่ 1990 เคยกล่าวว่า เขาสนใจในลัทธิศูฟี ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อปี 2018 ในพิธีส่วนตัว ในช่วงเจ็ดเดือนก่อนที่เขาจะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นการแต่งงานครั้งที่สามของอิมราน หลังจากเขาแต่งงานกับเจมิมา โกลด์สมิธ ทายาทนักธุรกิจชาวอังกฤษ และรีแฮม เนย์ยาร์ ข่าน ผู้สื่อข่าว โดยชีวิตสมรสทั้งสองครั้งจบลงด้วยการหย่า

Bushra Khan


ผู้นำทางจิตวิญญาณของ “อิมราน

ไม่กี่เดือนก่อนที่อิมรานจะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี สื่อท้องถิ่นเผยแพร่ภาพที่บุชราและอิมรานกำลังกราบที่ปูชนียสถานของบาบา ฟาริด

บุชรากล่าวในบทสัมภาษณ์กับสถานีข่าว HUM ว่าเมื่อปี 2018 ว่า “ผู้คนมาหาฉันเพื่อเข้าใกล้พระเจ้าและองค์ศาสดามากขึ้น” และ “ทุกช่วงชีวิตของอิมรานในตอนนี้อุทิศแด่พระเจ้า พระศาสดา และความรักต่อบาบา ฟาริด แล้ว”

บุชรามักสวมผ้าคลุมศีรษะที่เว้นช่องตรงดวงตาเท่านั้นเมื่อเธอต้องปรากฎตัวในที่สาธารณะ เธอยังไม่เคยติดตามสามีไปต่างประเทศเมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ยกเว้นเมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย โดยมีภาพบันทึกว่า ทั้งสองเดินทางไปเมืองเมกกะและเมืองเมดินา ซึ่งเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม

“อัล-คาเดียร์ ทรัสต์” ต้นเหตุคดีทุจริต

สมาชิกพรรค Pakistan Tehreek-e-Insaf ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของอิมราน กล่าวว่า บุชราเป็นแรงบันดาลใจให้อิมรานจัดตั้ง “อัล-คาเดียร์ ทรัสต์” องค์กรเอ็นจีโอด้านสวัสดิภาพ โดยองค์กรดังกล่าวเป็นผู้จัดการมหาวิทยาลัยที่เน้นการสอนแบบมุสลิมและความเชื่อทางจิตวิญญาณ ตั้งอยู่บริเวณนอกกรุงอิสลามาบัด

องค์กร อัล-คาเดียร์ ทรัสต์ เป็นส่วนหนึ่งของคดีทุจริตของอิมรานและบุชรา โดยระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ อิมรานได้สนับสนุนองค์กรดังกล่าวในงานราชการ และผู้ดูแลผลประโยชน์ขององค์กรยังมีเพียงแค่สองคนนี้เท่านั้น ตามข้อมูลของอะซัม นาซีอเดอร์ ทาราร์ รัฐมนตรียุติธรรมของปากีสถาน

ฟาร์รัค ฮาบิบ โฆษกพรรคของอิมราน กล่าวกับรอยเตอร์ว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีทางการเมือง โดยทั้งอิมรานและบุชราไมได้ผลประโยชน์ทางการเงินจากองค์กรดังกล่าว

  • ที่มา: รอยเตอร์