ดาเนียล โนโบอา ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ประกาศเมื่อวันพุธว่าขณะนี้ ประเทศกำลัง “ทำสงคราม” กับแก๊งยาเสพติด ที่ก่อเหตุจับเจ้าหน้าที่เรือนจำเป็นตัวประกัน ยึดสถานีโทรทัศน์ และสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่เมือง
โนโบอากล่าวกับสถานีวิทยุกาเนล่า เรดิโอในวันพุธว่า “เรากำลังอยู่ในสงคราม และเราไม่สามารถยอมแพ้ต่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้” รอยเตอร์รายงานว่ามีแก๊งจำนวน 22 กลุ่ม ที่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย และทำให้กลุ่มเหล่านี้เป็นเป้าหมายของกองทัพ
ถ้อยแถลงของโนโบอาเกิดขึ้นหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 60 วัน เพื่อรับมือกับการหลบหนีจากเรือนจำของอดอลโฟ มาซีอาส หัวหน้าแก๊งโลส โชเนโรส เมื่อสุดสัปดาห์ ซึ่งตามมาด้วยเหตุระเบิดทั่วประเทศ กลุ่มติดอาวุธจับเจ้าหน้าที่เรือนจำเป็นตัวประกัน และมีการยึดสถานีโทรทัศน์เป็นการชั่วคราวซึ่งสาธารณชนรับรู้เหตุการณ์ในห้องส่งจากการถ่ายทอดสด
ตำรวจรายงานในวันพุธว่า มีผู้ถูกจับกุมแล้วกว่า 70 คน สืบเนื่องจากเหตุการณ์การยึดสถานีโทรทัศน์
รัฐบาลระบุว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นการตอบโต้แผนของประธานาธิบดี ที่ต้องการจะสร้างเรือนจำความมั่นคงสูงเพื่อคุมขังเหล่าผู้นำของแก๊งอาชญากร ที่จะประกาศเรื่องการออกแบบเรือนจำในวันพฤหัสบดีนี้
ปธน. เอกวาดอร์กล่าวด้วยว่า จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือตัวประกันออกมา และระบุว่า “เรากำลังทุกสิ่งที่เป็นไปได้ และที่เป็นไปไม่ได้ เพื่อนำพวกเขา (ตัวประกัน) มาอย่างปลอดภัย”
องค์กรดูแลเรือนจำ SNAI ระบุว่า มีผู้คุมถูกจับเป็นตัวประกันจำนวน 125 ราย และมีอีก 14 รายที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร และมีผู้ได้รับการปล่อยตัวแล้ว 11 รายเมื่อวันอังคาร
บนโซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่วิดีโอ ที่แสดงให้เห็นว่าเหล่าตัวประกันตกเป็นเหยื่อความรุนแรง เช่นถูกยิงหรือถูกแขวนคอ ทั้งนี้ รอยเตอร์ยังไม่สามารถตรวจสอบว่าวิดีโอเหล่านั้นเป็นของจริงหรือไม่
ที่กวายากิล เมืองใหญ่อันดับหนึ่งของเอกวาดอร์ พบศพจำนวนสามศพ อยู่ในรถที่ถูกเผา นอกจากนั้นยังมีตำรวจสองนาย ถูกสังหารโดยกลุ่มติดอาวุธเมื่อวันอังคารในจังหวัดกวายาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองกวายาควิล
ในช่วงเช้าวันพุธ ความเงียบงันปกคลุมท้องถนนในเมืองหลวงอย่างกรุงกีโต และเมืองกวายากิล หลังร้านรวงปิดทำการ และสถานศึกษาทั่วประเทศประกาศให้นักเรียนเข้าเรียนแบบออนไลน์แทน ทำให้ผู้อยู่อาศัยหลายรายระบุว่าบรรยากาศในช่วงนี้ คล้ายกับช่วงที่ล็อกดาวน์ยุคโควิด-19 ระบาด
- ที่มา: รอยเตอร์