มาเลเซียประกาศ ‘สุลต่านอิบราฮิม’ ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป

สุลต่านอิบราฮิม อิสกันดาร์ (ที่สองจากขวา) เดินเคียงข้างกับสมเด็จพระราชาธิบดีอัล-สุลต่าน อับดุลลาห์ หลังการพิจารณาคัดเลือกพระราชาธิบดีองค์ต่อไป เมื่อ 27 ตุลาคม 2023 (ที่มา: Pool photo via AP)

สุลต่านอิบราฮิม อิสกันดาร์จากรัฐยะโฮร์ ได้รับเลือกจากสมาชิกราชวงศ์ให้ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐพระองค์ถัดไป

รอยเตอร์รายงานแถลงการณ์จากสมุหพระราชลัญจกร (keeper of the rulers’ seal) ที่ระบุว่า สุลต่านอิบราฮิม จะขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชาธิบดีอัล-สุลต่าน อับดุลลาห์ ในวันที่ 31 มกราคม 2024

สุลต่านอิบราฮิม เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เป็นเจ้าของคอลเลคชันรถยนต์และรถจักรยานยนต์หรู และยังมีความสนใจทางธุรกิจหลากหลายตั้งแต่ด้านอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงการทำเหมือง

มาเลเซียมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระราชาธิบดีเป็นประมุขที่มีเอกลักษณ์ โดยจะให้ตัวแทนจากตระกูลสุลต่าน 9 ตระกูลผลัดกันขึ้นเป็นประมุขแห่งรัฐ และจะดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี

โดยมากแล้วพระราชาธิบดีเป็นเพียงผู้นำในทางสัญลักษณ์และมีพระราชอำนาจเพียงจำกัด และต้องได้รับการแนะนำจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเสียก่อนที่จะกระทำการใด ๆ ตัวอย่างของพระราชอำนาจของพระราชาธิบดีก็คืออำนาจในการเลือกนายกฯ และการพระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษ

ภาวะไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองหลังการพ่ายแพ้ของพรรค UMNO เมื่อปี 2018 ทำให้สถาบันกษัตริย์มาเลเซียมีอิทธิพลมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสในการใช้พระราชอำนาจ

สำหรับพระราชาธิบดีอัล-สุลต่าน ถือว่ามีบทบาททางการเมืองมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนในช่วงที่ครองราชย์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนายกฯ มักได้มาจากผลการเลือกตั้ง

เมื่อปี 2018 พระราชาธิบดีมูฮัมหมัดที่ 5 ประมุขพระองค์ก่อน ก็เคยใช้อำนาจพระราชทานอภัยโทษให้กับอันวาร์ อิบราฮิม แกนนำพรรคฝ่ายค้านที่ถูกจำคุกจากคดีร่วมเพศทางทวารหนัก ที่ถูกมองว่ามีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง

อดีตนายกฯ นาจิบ ราซัก ที่ถูกจำคุกไปในปีที่แล้วจากเหตุคดีฉ้อโกงกองทุน 1 MDB ก็ได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ซึ่งพระราชาธิบดีก็มีอำนาจที่จะวินิจฉัยได้เช่นกัน

  • ที่มา: รอยเตอร์