รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ลงนามในความตกลงความร่วมมือทางทหารกับปาปัวนิวกินี ในวันจันทร์ โดยฝ่ายอเมริกาจะช่วยปาปัวนิวกินีเสริมความเเข็งเเกร่งในหลายด้าน
ความตกลงนี้ยังมุ่งที่จะอำนวยความสะดวกต่อสหรัฐฯในการช่วยฝึกทหารให้ปาปัวนิวกินีอีกด้วย ตามรายงานของรอยเตอร์
นอกจากนั้น รมต.บลิงเคนมีกำหนดพบกับผู้นำประเทศที่เป็นเกาะในมหาสมุทรเเปซิฟิกจำนวน 14 คน
ด้านนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จะสนับสนุนประเทศในภูมิภาคนี้ ระหว่างการประชุมสุดยอดที่กรุงพอร์ตมอร์สบีย์ เมือหลวงของปาปัวนิวกินี
รอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังพยายามเเสวงหาวิธีป้องกันไม่ให้ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรเเปซิฟิก สร้างสายสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับจีน ขณะที่เกิดความตึงเครียดสืบเนื่องจากประเด็นไต้หวัน
ผู้นำประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ 40 ล้านตารางกิโลเมตรในมหาสมุทร กังวลต่อปัญหาระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอันเป็นผลของภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ โดยประเทศเหล่านี้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่สุดในหัวข้อความมั่นคง
ในการประชุมครั้งนี้ รมต.บลิงเคน พบกับนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี เจมส์ มาเรบ และบลิงเคนกล่าวว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มความสัมพันธ์เชิงลึกกับปาปัวนิวกินีในเรื่องใหญ่ ๆ ทุกด้าน
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ทั้งคู่ได้หารือกันเรื่องการพัฒนาทางเศรษฐกิจ วิกฤตด้านสภาพอากาศ และย้ำถึงความสำคัญที่สหรัฐฯต้องดำเนินงานในภูมิภาคเเปซิฟิก
Papua New Guinea
“ความร่วมมือทางกลาโหมถูกร่างขึ้นโดยสหรัฐฯ และปาปัวนิวกินี ในสภานะที่เท่าเทียมกันและเป็นหุ้นส่วนที่ต่างมีอำนาจอธิปไตย” รมต.บลิงเคนกล่าว
เขาบอกด้วยว่า จะมีการขยายความสามารถของปาปัวนิวกินีในเรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการรับมือภัยพิบัติ รวมถึง ความพยายามทำให้การฝึกกำลังทหารร่วมกันดำเนินไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
บลิงเคนย้ำว่าจะเป็นความตกลงที่ “โปร่งใสอย่างสมบูรณ์”
กระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่มีข้อขัดข้องต่อการเเลกเปลี่ยนตามปกติที่เกิดขึ้น และไม่ต่อต้านความร่วมมือที่เป็นระโยชน์ของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น ประเทศปาปัวนิวกินี
อย่างไรก็ตามกระทรวงต่างประเทศของจีนเตือนถึง “เกมส์ภูมิรัฐศาสตร์” ที่อาจกำลังเกิดขึ้นในภูมิภาค
โฆษกเหมา หนิงกล่าวที่งานแถลงข่าวว่า “เราจำเป็นต้องจับตามองการข้องเกี่ยวในเกมส์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มาในรูปแบบของการร่วมมือกัน และเราเชื่อว่าไม่ควรมีความร่วมมือใด ๆ ที่พุ่งเป้าไปที่ประเทศที่สาม”
- ที่มา: รอยเตอร์